วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

5.ไทยกะเลิง

ไทยกะเลิง
คำว่า กะเลิง มาจากคำว่า ข่าเลิง หมายถึง ข่าพวกหนึ่งในตระกูลมอญเขมร ข่า กะโซ่และกะเลิง อยู่ในตระกูล
เดียวกัน ภาษาพูดอยู่ในตระกูล ออสโตรอาเซียติค ถิ่นกำเนิดของชาวกะเลิงอยู่ในแขวงคำม่วน และแขวง
สุวรรณเขต ของลาว อพยพข้ามโขงมาอยู่ทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงในสมัยรัชกาลที่ 3 หลังจากการปราบกบฏ
เจ้าอนุวงษ์เวียงจันทน์แล้ว ส่วนใหญ่จะอยู่ในท้องที่จังหวัดสกลนคร นครพนม และ



ชาวไทยกะเลิง
จังหวัดมุกดาหารในอดีตผู้ชายกะเลิงชอบสักรูป
นกแก้วที่แก้ม และปล่อยผมยาวประบ่า ส่วนผู้หญิงเกล้ามวยผม ปัจจุบันผู้ชายกะเลิงที่
สักขาลายตั้งแต่ข้อเท้า ขึ้นไปถึงบั้นเอว ยังมีหลงเหลืออยู่บ้างในท้องที่อำเภอดอนตาล เช่นที่ตำบลนาสะเม็ง และในท้องที่อำเภอคำชะอี ที่ตำบลบ้านซ่ง บางหมู่บ้านตำบลเหล่าสร้างถ่อ
บางหมู่บ้าน และที่บ้านโนนสังข์ บ้านนาหลวง จังหวัดมุกดาหาร ชาวกะเลิงมีผิวกายดำคล้ำผมหยิกเช่นเดียว
กับพวกข่า และกะโซ่ อยู่ในกลุ่มชาติพันธุ์
มองโกลอยด์ ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งขุน
ทั้งสามผู้เป็นใหญ่ คือ ขุนเค็ก ขุนคาน และ
ปู่ลางเซิน ได้ขอร้องต่อพญาแถน ซึ่งถือว่า
เป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองโลกตามความเชื่อของ
ชาวอีสาน ซึ่งขุนทั้งสามขอกลับลง ไปอยู่ใน
โลกมนุษย์โดยอ้างว่า “......ข้อยนี้ก็อยู่เมืองบนก็บ่แก่น แล่นเมืองฟ้าก็บ่เป็น.....” พญาแถนจึงให้ลงมาเกิด
ที่เมืองมนุษย์ที่ เมืองแถน หรือ เมืองน้ำน้อย อ้อยหนู ซึ่งอยู่ในแค้วนสิบสองจุไทย พร้อมกับได้ส่งควายให้ลง
มาเกิดในเมืองแถนด้วย เพื่อจะได้ใช้ทำไร่ไถนาหาเลี้ยงชีพต่อมาควายได้ตาย ซากของควายเกิดเป็น น้ำเต้าปุง ต่อมาในน้ำเต้าปุงได้เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นหลายเผ่าพันธุ์ มนุษย์เหล่านั้นร่ำร้องอยากออกมาสู่โลกมนุษย์ ขุนทั้งสาม
จังเอาเหล็กซี(เหล็กปลายแหลมเผาไฟ) เจาะรูน้ำเต้าปุง เพื่อให้มนุษย์เล่านั้นออกมามนุษย์พวกแรกที่ออกมา
คือ พวกข่า กะโซ่ กะเลิง แต่เนื่องจากเหล็กซีที่เผาไฟเจาะรูน้ำเต้าปุง เต็มไปด้วยคราบเขม่าไฟสีดำ พวกข่า กะโซ่ กะเลิง ที่ออกมาจากน้ำเต้าปุงก่อนเผ่าอื่น ๆ จึงมีผิวดำคล้ำมอมแมมต่อมาถึงลูกหลานทุกวันนี้ แต่ยังมี
เผ่าอื่น ๆ ที่ยังเหลืออยู่ในน้ำเต้าปุงอีกมาก ขุนทั้งสามจึงใช้สิ่วเจาะรูน้ำเต้าปุงให้กว้างยิ่งขึ้น เผ่าอื่น ๆ รุ่นหลังที่ออกมา เช่น ไทยเลิง ไทยลอ ไทยกวางฯลฯ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของไทย ลาว ผู้ไทย ที่ออกมารุ่นหลังนี้
ได้รีบไปอาบน้ำชำระร่างกาย ในหนองน้ำศักดิ์สิทธิ์จึงมีผิวกายขาวผ่องยกเว้น พวก ข่า กะโซ่ และกะเลิง ซึ่งออกมารุ่นแรกจากน้ำเต้าปุงที่เจาะด้วยเหล็กซีเผาไฟ จึงมีคราบเขม่าไฟติดตามร่างกายและกลัวความ
หนาวเย็นไม่ยอมไปอาบน้ำชำระร่างกาย จึงมีผิวดำคล้ำแทบทุกคนถึงอย่างไร ก็ตามพวกข่า กะโซ่ และกะเลิง
ก็ออกมาจากน้ำเต้าปุงก่อนเผ่าอื่น ๆ จึงถือว่าเป็นพี่ใหญ่(อ้ายกก) ย่อมมีสติปัญญาเหนือกว่าเผ่าอื่น ๆ ตามตำนานยังเล่าว่าพวกข่า กะโซ่ และกะเลิง เคยมีตัวหนังสือมาตั้งแต่อดีต โดยจารึกตัวหนังสือไว้ในหนังควาย แต่ว่าพวกข่า กะโซ่ และกะเลิงได้ทำสงครามแย่งชิงถิ่นที่อยู่กับชาวผู้ไทยมาตลอดจนแม่ทัพนายกองสิ้นชีวิตไป
หลายคน ในระหว่างทำสงคราม ได้ถูกสุนัขลักลอบเข้าไป ในวังของกษัตริย์ แล้วคาบเอาหนังควายที่จารึก
อักษรข่า กะโซ่ และ กะเลิงไปกินเป็นอาหารเสียสิ้น พวกข่า กะโซ่ และกะเลิงจึงไม่มีหนังสือขีดเขียน
เป็นอักษรของตนอีก
วิถีชีวิตและอุปนิสัย ชาวกะลิง ความเป็นอยู่และอุปนิสัยคล้าย ชาวไทย ข่า คือมีความมุ่งมั่น ขยันขันแข็ง มีความรักและจริงใจต่อ เพื่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น